แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - mayaya

หน้า: [1]
1

   ปัจจุบันไม่ว่ามองไปทางไหนก็มักจะเห็นไรเดอร์ Grab ชุดสีเขียวยืนอยู่ตามร้านอาหารหรือร้านค้าต่าง ๆ แทบทุกตรอกซอกซอย เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในการหารายได้เสริมยอดฮิตแห่งยุค 5G เลยก็ว่าได้ แต่ทุกคนเคยรู้หรือไม่ว่าจริง ๆ แล้วอาชีพ ไรเดอร์ส่งอาหาร ส่งของเหล่านี้มีลักษณะงานอย่างไร แล้วเพราะเหตุใดงานนี้ถึงได้รับความนิยมขนาดนี้ วันนี้เราจะพาทุกคนไปหาคำตอบกัน

   1.ลักษณะงานของไรเดอร์ Grab
   สำหรับ งานไรเดอร์ Grab มีหลักการทำงานที่เป็นพื้นฐานสำคัญคือ การส่งอาหารหรือสิ่งของไปให้ถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัยภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งรายได้ของไรเดอร์นั้นไม่มีกำหนดตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอในการรับงาน ยิ่งรับงานมากก็ยิ่งมีรายได้มาก ทำให้เหมาะจะเป็นงานเสริมหลังเลิกงาน หรือจะยึดเป็นงานประจำทำทั้งวันก็ได้เหมือนกัน โดยลักษณะงานไรเดอร์มีดังต่อไปนี้
1.1 GrabFood: รับ-ส่งอาหารจากร้านอาหารไปถึงตำแหน่งที่อยู่ของลูกค้าภายในเวลาที่กำหนด
1.2 GrabExpress: รับ-ส่งของ เอกสาร และพัสดุ ไปให้ถึงมือลูกค้าที่เป็นผู้รับภายในเวลาที่กำหนด
1.3 GrabMart: ซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อหรือร้านค้าที่เป็นพาร์ตเนอร์ Grab แล้วนำไปส่งให้ถึงมือลูกค้าภายในเวลาที่กำหนด

2.ทำไมหลายคนหันมาทำอาชีพไรเดอร์ เช่น GrabFood
   สาเหตุที่ทำให้คนนิยม สมัครแกร็บไรเดอร์ เป็นจำนวนมากก็เพราะเป็นงานที่มีรายได้คุ้มค่า โดยในการรับงานทุกครั้ง Grab จะหักค่าคอมมิชชันเพียง 15% และไรเดอร์ยังจะได้รับค่าส่งเพิ่มขึ้นกิโลเมตรละ 10 บาท ในกรณีที่ระยะทางมากกว่า 6 กิโลเมตรขึ้นไปอีกด้วย เฉลี่ยแล้วไรเดอร์ส่วนมากจะมีรายได้ต่อวันอยู่ที่ 600 – 1,000 บาท เดือน ๆ หนึ่งจะมีรายได้แตะหลัก 20,000 – 30,000 บาทเลยทีเดียว นอกจากนี้ Grab ยังมีสวัสดิการให้ไรเดอร์ เช่น ประกันอุบัติเหตุวงเงินสูงสุด 150,000 บาท ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุระหว่างรับงาน หรือส่วนลดเมื่อซื้อสินค้าและบริการกับร้านค้าที่เป็นพาร์ตเนอร์ Grab เป็นต้น

3.ขั้นตอนการ สมัครไรเดอร์ Grab นอกจากจะต้องทําใบขับขี่มอเตอร์ไซค์
   สำหรับผู้ที่สนใจอยาก สมัครแกร็บไรเดอร์ ก็สามารถสมัครแบบออนไลน์ได้ด้วยตัวเองตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
3.1 เข้าเว็บไซต์ www.grab.com/th/driver
3.2 กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน รวมทั้งคลิกยอมรับเงื่อนไขการลงทะเบียน
3.3 กรอกใบสมัคร
3.4 รอรับรหัส OTP ทาง SMS
3.5 อัปโหลดเอกสารประกอบการสมัคร
3.6 ทำแบบทดสอบ
3.7 รอการแจ้งผลทาง SMS ถ้าผ่านการอนุมัติก็จะสามารถเริ่มงานได้ทันที
   
ทั้งหมดนี้คือลักษณะ งานไรเดอร์ ตลอดจนขั้นตอนการสมัครที่เราได้รวบรวมมาฝากกันในวันนี้และสำหรับใครที่กำลังมองหางานเสริมรายได้ดี เหมาะจะทำหลังเลิกงานประจำ เราขอแนะนำ GrabFood เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เพราะนอกจากจะเลือกเวลาทำงานได้เองแล้ว รายได้และสวัสดิการต่าง ๆ ก็คุ้มค่า ตอบโจทย์คนที่อยากมีอาชีพที่ 2 ไว้เป็นแหล่งรายได้อีกทางหนึ่ง

ยางรั่ว https://www.grab.com/th/blog/driver/รถยางรั่วควรทำอย่างไร/
 


2
          คอลลาเจน เส้นใยโปรตีนที่สำคัญและร่างกายสามารถสร้างขึ้นเองได้ มีคุณสมบัติในการช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ความแข็งแรงแก่ผิว แต่เมื่อไหร่ที่อายุเรามากขึ้นหรือสุขภาพผิวโดนทำร้ายจากปัจจัยภายนอกก็จะทำให้ระดับคอลลาเจนในชั้นผิวลดลงและส่งผลให้ผิวอ่อนแอ ขาดความยืดหยุ่น หรือแม้แต่มีปัญหาหมองคล้ำไม่สดใสในที่สุดได้
ซึ่งนอกจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ดีต่อสุขภาพ ดื่มน้ำให้เพียงพอ หรือหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ระดับคอลลาเจนในผิวลดลงแล้ว การรับประทานอาหารเสริมคอลลาเจนก็มีส่วนช่วยเพิ่มและรักษาระดับคอลลาเจนให้สุขภาพผิวของเราแข็งแรงขาวใส และมีสัมผัสนุ่มลื่นได้เช่นกัน

คอลลาเจนยี่ห้อไหนดี กินแล้วผิวกระจ่างใส นุ่มลื่นน่าสัมผัส

     หากคุณกำลังมองหาอาหารเสริม คอลลาเจนที่ดีที่สุด หรือจะเป็นกลุ่ม คอลลาเจนไดเปปไทด์ยี่ห้อไหนดี เพื่อช่วยบำรุงสุขภาพผิวพรรณให้กลับมานุ่มลื่นและกระจ่างใส วันนี้เรารวบรวมมาให้ทำความรู้จักกันแบบเน้น ๆ กับ รีวิวคอลลาเจนผิวขาว 5 ยี่ห้อดังนี้

1. Colly 7X Collagen & Astaxanthin
รีวิวคอลลาเจนผิวขาว ที่ไม่ควรพลาดเพราะผสานการทำงานของคอลลาเจนร่วมกับแอสต้าแซนธินที่ได้จากสาหร่ายแดงเพื่อการเสริมสร้างสุขภาพผิวพรรณให้ขาวกระจ่างใส ยืดหยุ่นสูง และแข็งแรงแบบคูณสอง ขณะเดียวกันมีส่วนผสมของวิตามิน B1 B6 และ B12 ที่ล้วนมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย คืนผิวอ่อนเยาว์ได้แบบจัดเต็ม 

2. Swisse Collagen + Grape Seed 
ถ้าถามถึง คอลลาเจนที่ดีที่สุด ต้องยกให้อาหารเสริมคอลลาเจนยี่ห้อสัญชาติออสเตรเลียยี่ห้อนี้เลย เพราะอัดแน่นไปด้วยคอลลาเจนที่สามารถช่วยสร้างความยืดหยุ่น เต่งตึง และนุ่มลื่นแก่ผิว พร้อมด้วยสารสกัดจาก grape seed swisse รวมถึง Niacinamide วิตามิน C และ E ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นยอด ช่วยชะลอวัยผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. Bomi Gold Di Collagen Plus Calcium
ใครกำลังมองหา คอลลาเจนไดเปปไทด์ยี่ห้อไหนดี กินง่าย ดีต่อสุขภาพกายและผิวพรรณ ห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะคอลลาเจนชนิดชงดื่มกระปุกนี้มีไดเปปไทด์คอลลาเจนเข้มข้นถึง 3,314 mg โมเลกุลเล็ก ร่างกายเอาไปใช้ได้รวดเร็ว ไม่เพียงเท่านั้นยังเพิ่มส่วนผสมของแคลเซียมมามากถึง 1,000 mg คอยช่วยดูแลสุขภาพกระดูกให้แข็งแรง และเพิ่มความเนียนใสแก่ผิวด้วยส่วนผสมของ L-Cysteine และ Multi-Vitamin อีกนานาชนิด 

4. Amado Gold Collagen + Ceramide
คอลลาเจนอมาโด้ ตัวฮิตที่จะช่วยกู้ผิวที่เคยอ่อนแอ ขาดความยืดหยุ่น หรือเล็บ ผม กระดูกมีปัญหาให้กลับมาแข็งแรงมากยิ่งขึ้นอีกด้วย เนื่องจาก อมาโด้คอลลาเจน อัดแน่นไปด้วยคอลลาเจน 3 ชนิด ที่ดีที่สุด ได้แก่ ไตรเปปไทด์ ไดเปปไทด์ และไทป์ ทู พร้อมด้วยสารสกัดจากธรรมชาติช่วยปรับสมดุลผิว ต้านอนุมูลอิสระได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน อมาโด้คอลลาเจน กระป๋องสีทองนี้ก็เป็นแบบชง ไร้สี ไร้กลิ่น ชงง่าย ละลายเร็ว ปราศจากคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และน้ำตาล รับประกันว่า คอลลาเจนอมาโด้ ตัวนี้ดีต่อสุขภาพร่างกายและผิวพรรณอย่างครอบคลุมแน่นอน

5. VIDA Collagen Dipeptide C
หากถามว่า คอลลาเจนไดเปปไทด์ยี่ห้อไหนดี ที่มาพร้อมกับคอลลาเจนเกรดพรีเมียมจากญี่ปุ่นลักษณะโมเลกุลเล็ก ดูดซึมไว ให้ร่างกายนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว แนะนำคอลลาเจนจาก VIDA ตัวนี้เลย มีคุณสมบัติช่วยดูแลผิวมีความยืดหยุ่น นุ่มลื่นกว่าเดิมภายใน 4 สัปดาห์ พร้อมกับมีส่วนผสมของวิตามิน C ช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใสและสม่ำเสมอแลดูสดใสสุขภาพดีกว่าที่เคยอีกด้วย   

         ทั้งหมดนี้ก็เป็น รีวิวคอลลาเจนผิวขาว ทั้ง 5 ยี่ห้อที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ขอบอกเลยว่าแต่ละตัวสามารถช่วยบูสต์ผิวกระจ่างใส เพิ่มความนุ่มลื่นน่าสัมผัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนอกจากการรับประทานคอลลาเจนเพื่อเป็นอาหารเสริมบำรุงสุขภาพผิวพรรณแล้วก็อย่าลืมเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อบำรุงผิวให้สุขภาพดีจากภายใน สำหรับใครที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเจลลี่ไฟเบอร์ คอลลาเจนที่ดีที่สุด ตอบโจทย์ความต้องการผิว สามารถเลือกช้อปได้ที่ วัตสันออนไลน์ รับประกันว่ามี โปรโมชั่นวัตสัน สุดคุ้มรออยู่มากมาย



3

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 การ ขายอาหารออนไลน์ ได้รับความสนใจเป็นอย่างยิ่ง จากเดิมที่ต้องขายอาหารผ่านหน้าร้านแต่ปัจจุบันสามารถสั่งซื้ออาหารผ่านช่องทางออนไลน์ นอกจากลูกค้าสะดวกสบายแล้วฝั่งพ่อค้าแม่ค้าเองก็ไม่ต้องเปิดหน้าร้านและไม่ต้องจ้างคนงานก็สามารถมีร้านอาหารเป็นของตัวเองได้ จึงไม่น่าแปลกใจว่าเพราะอะไรกลุ่มคนชอบทำอาหารสนใจ สมัครแกร็บฟู้ดร้านค้า กันมากขึ้น ใครอยากมีร้านอาหารออนไลน์เป็นของตัวเอง ลองมาดูว่าต้องเตรียมตัวอย่างไร เพื่อให้ออเดอร์เข้าเพียบและร้านเป็นที่รู้จัก

เตรียมเมนูอาหาร ชื่อร้าน และภาพอาหารสวย ๆ
ก่อนเปิด แกร็บฟู้ดร้านค้า ขายอาหารออนไลน์ควรเตรียมเมนูให้พร้อมขาย โดยควรเลือกเมนูที่ตนเองถนัด ทำออกมาได้อร่อยและดูน่ารับประทานเพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย นอกจากนี้อย่าลืมตั้งชื่อร้านที่จดจำง่าย เขียนง่าย อ่านแล้วรู้ทันทีว่าขายอาหารประเภทใด ที่สำคัญต้องให้ความสำคัญกับการถ่ายภาพอาหาร เพราะภาพอาหารมีส่วนอย่างยิ่งในการตัดสินใจซื้อ ยิ่งถ่ายภาพอาหารได้สวยดูน่ารับประทานเท่าไหร่ ยิ่งกระตุ้นความสนใจได้มากเท่านั้น
เตรียมบรรจุภัณฑ์
การเปิด แกร็บฟู้ดร้านค้า ขายอาหารออนไลน์ต้องพึ่งพาเหล่าไรเดอร์ในการส่งมอบอาหารให้ถึงมือลูกค้า การเลือกบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับอาหารจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง สำหรับกล่องใส่อาหารต้องมั่นใจว่าใส่แล้วไม่รั่วซึม ไม่หกเลอะเทอะง่าย ฝาปิดสนิท ขนาดกะทัดรัด อาหารบางประเภทต้องเตรียมถ้วยน้ำจิ้มหรือใช้กล่องแบบเป็นสัดส่วน นอกจากนี้อย่าลืมเตรียมอุปกรณ์สำหรับรับประทานอาหาร อย่างช้อน ส้อม ตะเกียบ เพื่อให้ลูกค้าสามารถรับประทานได้ทันที เตรียมให้ครบแบบนี้สะดวกสบายและมัดใจลูกค้าได้อย่างแน่นอน
เตรียมระบบหลังบ้าน
เมื่อเตรียมเมนู ชื่อร้าน ภาพถ่าย และบรรจุภัณฑ์เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลา สมัครแกร็บฟู้ดร้านค้า ที่ทำง่าย สะดวกสบาย เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน GrabMerchant หรือเข้าไปที่เว็บไซต์ https://www.grab.com/th/ เพื่อลงทะเบียนเป็นพาร์ทเนอร์กับแกร็บ กรอกแบบฟอร์มข้อมูลร้านค้า แนบเอกสารตามที่กำหนด เมื่อผลการสมัครผ่านแล้วก็ถึงขั้นตอนเซ็นสัญญาอิเล็กทรอนิกส์ เรียนรู้การใช้งาน ทำความเข้าใจกับ GPคือ อะไร หักเงินอย่างไร และเริ่มเปิดร้านรับออเดอร์ได้เลย ที่สำคัญเมื่อเป็นพาร์ทเนอร์กับแกร็บแล้ว อย่าลืมร่วมกิจกรรมหรือแคมเปญต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นยอดขายและทำให้กลุ่มลูกค้ารู้จักร้านเรามากยิ่งขึ้น

จะเห็นว่าปัจจุบันการ ขายอาหารออนไลน์ เป็นเรื่องง่าย เพียงมีตัวกลางอย่าง GrabMerchant ที่ให้พ่อค้าแม่ค้าสามารถจัดการระบบหลังบ้านได้ด้วยตัวเองผ่านแอปพลิเคชัน เลือกเวลาเปิดปิดร้านเองได้ เลือกปิดเมนูที่หมดอย่างง่ายดายและทันใจ จัดการร้านอาหารได้อย่างสะดวกสบายแค่ปลายนิ้ว เพราะฉะนั้นใครอยากมีร้านอาหารออนไลน์เป็นของตัวเอง แนะนำให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน GrabMerchant เพื่อสมัคร กรอกข้อมูลตามขั้นตอนและเตรียมรับออเดอร์เข้าอย่างรัว ๆ กันได้เลย



4


การลงทุนในหุ้น กองทุน เป็นหนึ่งในวิธีการสร้างความมั่งคั่งที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน แต่สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น อาจรู้สึกสับสนและไม่มั่นใจในการลงทุน ในบทความนี้เราจะนำเสนอ 5 ขั้นตอนง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นการลงทุนในหุ้นได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพ

## 1. ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น

ก่อนที่คุณจะเริ่มลงทุน คุณควรทำความเข้าใจว่าหุ้นคืออะไร หุ้นเป็นหลักทรัพย์ที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของในบริษัท เมื่อคุณซื้อหุ้น คุณจะกลายเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของบริษัทนั้น และมีสิทธิ์ได้รับผลตอบแทนจากกำไรของบริษัทในรูปแบบของเงินปันผลหรือการเพิ่มขึ้นของมูลค่าหุ้น

### 1.1 ประเภทของหุ้น

หุ้นสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่:
- **หุ้นสามัญ**: ผู้ถือหุ้นสามัญมีสิทธิในการลงคะแนนเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้นและมีสิทธิได้รับเงินปันผล
- **หุ้นบุริมสิทธิ**: ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับเงินปันผลก่อนหุ้นสามัญ แต่ไม่มีสิทธิในการลงคะแนนเสียง

## 2. กำหนดเป้าหมายการลงทุน

การกำหนดเป้าหมายการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณมีทิศทางในการลงทุน คุณควรพิจารณาว่าคุณต้องการลงทุนเพื่อ:
- สร้างรายได้ประจำ
- เพิ่มมูลค่าทรัพย์สินในระยะยาว
- เตรียมความพร้อมสำหรับการเกษียณอายุ

## 3. ศึกษาและวิเคราะห์หุ้น

การศึกษาและวิเคราะห์หุ้นเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการลงทุน คุณควรทำการวิจัยเกี่ยวกับบริษัทที่คุณสนใจ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น:
- ผลประกอบการของบริษัท
- สถานะทางการเงิน
- แนวโน้มของอุตสาหกรรม

### 3.1 เครื่องมือในการวิเคราะห์

คุณสามารถใช้เครื่องมือออนไลน์ เช่น เว็บไซต์การเงินและแอปพลิเคชันการลงทุน เพื่อช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลและติดตามข่าวสารเกี่ยวกับหุ้น

## 4. เปิดบัญชีซื้อขายหุ้น

เมื่อคุณมีความรู้และเป้าหมายที่ชัดเจน ขั้นตอนถัดไปคือการเปิดบัญชีหุ้น เปิดบัญชีกองทุนคุณสามารถเลือกเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือและมีค่าธรรมเนียมที่เหมาะสม

### 4.1 การเลือกโบรกเกอร์

ควรพิจารณาโบรกเกอร์ที่มี:
- แพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย
- ค่าธรรมเนียมที่ต่ำ
- บริการลูกค้าที่ดี

## 5. เริ่มต้นลงทุน

เมื่อคุณเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นแล้ว คุณสามารถเริ่มต้นลงทุนได้ โดยเริ่มจากการลงทุนในหุ้นที่คุณได้ทำการศึกษาและวิเคราะห์มาแล้ว

5.1 การจัดการความเสี่ยง

การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ คุณควรมีการจัดการความเสี่ยงโดยการกระจายการลงทุนในหลายๆ หุ้น และไม่ลงทุนเงินทั้งหมดในหุ้นเดียว

การเริ่มต้นลงทุนในหุ้นไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณมีการเตรียมตัวและความรู้ที่เพียงพอ การทำตาม 5 ขั้นตอนง่ายๆ ที่ได้กล่าวถึงในบทความนี้จะช่วยให้คุณสามารถเริ่มต้นการลงทุนได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพ

หากคุณสนใจในการลงทุนหุ้น พันธบัตรรัฐบาล อย่ารอช้าที่จะเริ่มต้นการศึกษาและวางแผนการลงทุนของคุณในวันนี้!


5


   หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากเริ่มต้นการลงทุน อยากได้ผลตอบแทนจากการลงทุนแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นลงทุนแบบไหน ดูการขึ้นลงและจับจังหวะการลงทุนไม่ถูก บางคนไม่มีเวลามานั่งดูพอร์ตได้ตลอดเพราะมีงานประจำที่ต้องทำ แล้วแบบนี้ต้องทำอย่างไรดี
   เรามีทางเลือกที่น่าสนใจเหมาะกับนักลงทุนมือใหม่และคนทั่วไปที่อยากจะเริ่มต้นลงทุนมาฝาก นั่นคือการลงทุนแบบ dca แล้วการลงทุนแบบ dca คืออะไร จะมีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร  มาหาคำตอบและเรียนรู้ไปพร้อมกัน

dca คืออะไร ?
   DCA (Dollar-Cost Averaging) คือ รูปแบบการลงทุนที่เน้นการทยอยลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ด้วยจำนวนเงินเท่า ๆ กัน ในสินทรัพย์ที่เราได้เลือกเอาไว้ เช่น หุ้น กองทุน ฯลฯ โดยที่นักลงทุนไม่ได้สนใจราคาหรือสภาพตลาด จึงนิยมเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า “การลงทุนแบบถัวเฉลี่ย” โดยปกติทั่วไปความถี่ของการลงทุนแบบ dca มักจะเป็นแบบรายเดือน ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีที่นิยมใช้เพื่อสร้างวินัยในการลงทุน

ข้อดีของการลงทุนแบบ dca 
ช่วยลดความเสี่ยงจากการจับจังหวะการลงทุน ทำให้มือใหม่ที่ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญมากก็สามารถลงทุนได้
ช่วยสร้างวินัยในการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพราะหวังผลตอบแทนในระยะยาวมากกว่าระยะสั้น ๆ
การลงทุนแบบ dca ยังช่วยลดความวิตกกังวลของนักลงทุนด้วย เพราะการลงทุนมีรูปแบบที่สม่ำเสมอ ไม่จำเป็นที่จะต้องเฝ้าตลาดและหาจังหวะเวลาในการลงทุน

ข้อเสียของการลงทุนแบบ dca
นักลงทุนจะต้องยอมรับว่าผลตอบแทนที่มีโอกาสได้รับมานั้นจะไม่เท่ากับการลงทุนแบบจับจังหวะช่วงเวลาที่ราคาสินทรัพย์ต่ำ
ในบางครั้ง การลงทุนแบบ dca ยังอาจถัวกำไรให้น้อยลงได้
แม้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนแต่ผู้ลงทุนก็ต้องศึกษาสินทรัพย์ที่จะลงทุนให้ดีก่อนด้วย เพราะการลงทุนมีความเสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้
การลงทุนแบบ dca ไม่ได้เหมาะกับการลงทุนในสินทรัพย์ทุกประเภท เช่น กองทุนที่มีความผันผวนต่ำ หรือสินทรัพย์ที่มีวัฏจักรของราคาอยู่แล้ว เป็นต้น

   ดังนั้นการลงทุนแบบ dca จึงค่อนข้างเหมาะกับนักลงทุนมือใหม่หรือคนทั่วไปที่สนใจในการเริ่มต้นการลงทุน หรือแม้กระทั่งผู้ที่ต้องการออมเงินให้ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงิน

เมื่อเข้าใจภาพรวมของการลงทุนแบบ dca แล้ว หากนักลงทุนมือใหม่อยากเริ่มต้นลงทุนแบบ dca ก็สามารถทำได้โดยการเริ่มพิจารณาจากความสามารถในการลงทุนของตัวเองแล้วตั้งงบประมาณเอาไว้ว่าสามารถลงทุนได้ที่จำนวนเงินเท่าไหร่ จากนั้นจึงเลือกช่วงวันและเวลาที่จะลงทุนแบบ dca เพื่อให้เหมาะและไม่ให้กระทบกับสภาพคล่องของตัวเอง เช่น เลือกลงทุนทุกเดือนหลังจากเงินเดือนออก 1 วัน เป็นต้น ส่วนการเลือกหลักทรัพย์หรือสินทรัพย์ที่ต้อง การลงทุนแบบ dca สามารถเลือกในสินทรัพย์ที่ชอบหรือสนใจ อาจจะเป็นหุ้น กองทุนรวมssf rmf  พันธบัตรรัฐบาล หรืออื่น ๆ  ก็ได้  แต่ควรพึงระลึกอยู่เสมอว่า ก่อนการเลือกลงทุน dca ในสินทรัพย์ประเภทใดก็ตาม ควรศึกษาและหาข้อมูลสินทรัพย์ที่จะลงทุนแบบ dca ก่อนทุกครั้ง

สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นลงทุนแบบ dca แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี ธนาคารกรุงไทยได้ออกแบบแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT ให้สามารถเข้าไปทำรายการลงทุนแบบ dca ได้ง่าย ๆ และยังมีกองทุนรวมที่มีคุณภาพให้เลือกลงทุนอีกหลากหลายกองทุนอีกด้วย หากสนใจสามารถเข้าไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.krungthai.com

เงินเดือน 20000 เสียภาษีเท่าไหร่  https://krungthai.com/th/financial-partner/learn-financial/1962



6


การลงทุนในกองทุน RMF (Retirement Mutual Fund) และ SSF (Super Savings Fund) เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษีและสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคต นอกจากนี้ การลงทุนในโครงการ Thai ESG (Environmental, Social, and Governance) ยังเป็นแนวทางที่ช่วยสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปเรียนรู้วิธีคำนวณการลดหย่อนภาษีจากการลงทุนใน RMF/SSF และ Thai ESG  กองทุนรวม อย่างละเอียด

1. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ RMF และ SSF

### RMF คืออะไร?
RMF เป็นกองทุนรวมที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการออมเพื่อการเกษียณอายุ โดยผู้ลงทุนสามารถลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนเงินที่ลงทุนใน RMF ในแต่ละปี

### SSF คืออะไร?
SSF เป็นกองทุนรวมที่มุ่งเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำและมีผลตอบแทนที่คาดการณ์ได้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการออมในระยะยาวและลดหย่อนภาษีเช่นเดียวกับ RMF

## 2. วิธีคำนวณการลดหย่อนภาษี

### การลดหย่อนภาษีจาก RMF
การลงทุนใน RMF สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ลงทุนต้องถือหน่วยลงทุนอย่างน้อย 5 ปี

**ตัวอย่างการคำนวณ**:
- หากคุณมีรายได้ที่ต้องเสียภาษี 1,000,000 บาท และลงทุนใน RMF 200,000 บาท คุณสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท (30% ของ 1,000,000 บาท) แต่จะลดหย่อนได้เพียง 200,000 บาทเท่านั้น

### การลดหย่อนภาษีจาก SSF
สำหรับ SSF ผู้ลงทุนสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ลงทุนต้องถือหน่วยลงทุนอย่างน้อย 10 ปี

**ตัวอย่างการคำนวณ**:
- หากคุณมีรายได้ที่ต้องเสียภาษี 800,000 บาท และลงทุนใน SSF 150,000 บาท คุณสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 240,000 บาท (30% ของ 800,000 บาท) แต่จะลดหย่อนได้เพียง 150,000 บาทเท่านั้น

## 3. การลงทุนใน Thai ESG

การลงทุนใน Thai ESG เป็นการลงทุนที่ไม่เพียงแต่พิจารณาผลตอบแทนทางการเงิน แต่ยังคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการบริหารจัดการที่ดี ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ลงทุนมีส่วนร่วมในการพัฒนาที่ยั่งยืน

### วิธีการลงทุนในthaiesg ลดหย่อนภาษี
- **เลือกกองทุนที่มีการลงทุนใน ESG**: ควรเลือกกองทุนที่มีการประเมินและจัดอันดับตามมาตรฐาน ESG
- **ศึกษาข้อมูล**: ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทและโครงการที่ลงทุน เพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนของคุณมีความรับผิดชอบต่อสังคม

การลงทุนใน RMF, SSF และ Thai ESG เป็นวิธีที่ดีในการลดหย่อนภาษีและสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคต ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับการคำนวณการลดหย่อนภาษีและเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากการลงทุนได้อย่างเต็มที่

หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนใน RMF/SSF หรือ Thai ESG หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษี สามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนเพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสมกับคุณได้เลย


7
เมื่อสภาพคล่องทางการเงินมีปัญหาทำให้หลายคนเริ่มมองหา สินเชื่อส่วนบุคคลดอกเบี้ยต่ำ อนุมัติสินเชื่อง่าย เพื่อนำมาเป็นเงินทุนหมุนเวียนในชีวิตประจำวันหรือนำมาเป็นเงินลงทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจ สินเชื่อจากธนาคารกรุงไทยจึงได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ครอบคลุมทุกความต้องการ อีกทั้งยังคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ ให้วงเงินกู้สูง และระยะเวลาผ่อนนาน เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังมองหาสินเชื่อส่วนบุคคลดอกเบี้ยต่ำ วันนี้จะขอมาแนะนำ สินเชื่อธนาคาร กรุงไทยที่น่าสนใจไว้ให้เป็นตัวเลือกสำหรับคุณ

สินเชื่อส่วนบุคคล กรุงไทยมีจุดเด่นอะไรบ้าง?
ธนาคารกรุงไทยได้ออกแบบโครงการสินเชื่อที่สามารถตอบโจทย์วัตถุประสงค์ในการใช้เงินที่มีความหลากหลายได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อการลงทุน สินเชื่อเพื่ออิสระในการใช้จ่าย หรือสินเชื่อเงินก้อนเพื่อใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งสินเชื่อเหล่านี้มีจุดเด่นที่น่าสนใจดังนี้
ไม่จำกัดอาชีพผู้ขอ กู้ธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระที่มีรายได้ไม่แน่นอนหรือพนักงานประจำที่มีฐานเงินเดือนขั้นต่ำก็กู้ได้
รูปแบบการชำระเงินคืนแบบลดต้นและลดดอกเบี้ยไปพร้อมกัน ช่วยให้คุณปิดจบโครงการเงินกู้ได้เร็วขึ้น
มีโครงการสินเชื่อที่ไม่ต้องใช้คนค้ำประกันให้เลือก
มีกำหนดระยะเวลาผ่อนชำระคืนนาน เพื่อให้คุณไม่ต้องแบกรับภาระในแต่ละเดือนมากเกินไป
วงเงินอนุมัติสูงเพิ่มอิสระในการใช้จ่าย

แนะนำ สินเชื่อธนาคาร กรุงไทยดอกเบี้ยต่ำ วงเงินสูง

1. สินเชื่ออเนกประสงค์ เพื่อเป็นสวัสดิการข้าราชการ พนักงานราชการ และรัฐวิสาหกิจ
สินเชื่อ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อข้าราชการ พนักงานราชการ และรัฐวิสาหกิจโดยเฉพาะ อนุมัติวงเงินกู้สูงถึง 5 ล้านบาท สำหรับกรณีมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และอนุมัติวงเงินกู้สูงถึง 2 ล้านบาท กรณีไม่มีบุคคลค้ำประกัน อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ MRR +0.75% ต่อปี ให้ระยะเวลาผ่อนชำระนาน 20 ปี เหมาะสำหรับข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าที่องค์การมหาชน เจ้าหน้าที่องค์การของรัฐ ที่มีอายุงานไม่น้อยกว่า 1 ปี และมีเงินเดือนตั้งแต่ 13,000 บาทขึ้นไป กรณีเป็นพนักงานสัญญาจ้างต้องมีสัญญาจ้างไม่น้อยกว่า 2 ปี อายุงานต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 3 ปี และรับเงินเดือนไม่น้อยกว่า 15,000 บาท

2. สินเชื่อ กรุงไทยธนวัฏ
สินเชื่อเงินสดสำรองพร้อมใช้ อนุมัติวงเงินกู้สูงถึง 15 เท่าของเงินเดือน อัตราดอกเบี้ยคิดตามจำนวนเงินที่ใช้จริง เริ่มต้นที่ MRR+3.50% ต่อปี เหมาะสำหรับหน่วยงานที่มี MOU กับธนาคาร สามารถยื่น กู้ธนาคาร ได้ทั้งข้าราชการและพนักงานเอกชน จะมีหรือไม่มีผู้ค้ำประกันก็ได้

3. สินเชื่ออเนกประสงค์สำหรับผู้รับบำนาญ บำเหน็จรายเดือน และผู้รับบำเหน็จพิเศษรายเดือน
สินเชื่อวงเงินสูง อนุมัติ เงินกู้ ได้สูงสุด 100% ของหนังสือรับรองสิทธิ สามารถเลือกวิธีการชำระคืนได้ 2 รูปแบบ ได้แก่ ชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย และชำระเฉพาะดอกเบี้ย ให้ระยะเวลาผ่อนชำระนานสูงสุด 40 ปี อัตราดอกเบี้ยต่ำ เริ่มต้น 3.99% ต่อปี สมัครง่าย อนุมัติเร็วภายใน 1 วัน
สินเชื่อโครงการเงินกู้อเนกประสงค์เพื่อเป็นสวัสดิการพนักงานหน่วยงานเอกชน
สินเชื่อวงเงินพิเศษสำหรับพนักงานเอกชนที่ต้องการใช้เงินก้อน อนุมัติวงเงินกู้สูงถึง 5 ล้านบาท ให้ระยะเวลาผ่อนชำระนานสุด 15 ปี ยื่น กู้เงินธนาคาร ได้โดยไม่ต้องใช้หลักประกัน อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น MRR +1.50% ต่อปี เหมาะสำหรับพนักงานเอกชนทั้งที่เป็นพนักงานประจำและพนักงานที่มีสัญญาจ้างงาน อายุงาน 3 ปีขึ้นไป และได้รับเงินเดือนไม่น้อยกว่า 18,000 บาท

4. สินเชื่อ Smart Money
สินเชื่อเงินสด วงเงินอนุมัติสูงสุด 5 เท่าของรายได้ แต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท ไม่ต้องใช้หลักประกันหรือคนค้ำประกันก็กู้ได้ เหมาะสำหรับพนักงานประจำและผู้ประกอบการรายย่อยที่มีรายได้มากกว่า 30,000 บาทต่อเดือน อัตราดอกเบี้ย 6 เดือนแรก เริ่มต้น 9.99% ให้ระยะเวลาผ่อนชำระนาน 5 ปี

5. สินเชื่อกรุงไทยเปย์เดะ
สินเชื่อ วงเงินอนุมัติสูงสุด 5 เท่าของรายได้ต่อเดือน แต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท ออกแบบมาเพื่อผู้รับเงินเดือนผ่านบัญชีกรุงไทยที่มีรายได้ตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป อัตราดอกเบี้ยต่ำ MRR+7% ต่อปี ให้ระยะเวลาการผ่อนชำระสูงสุด 5 ปี อนุมัติเร็วและไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ผู้ที่สนใจสามารถยื่นกู้ผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT ได้ด้วยตัวเอง

6. สินเชื่อกรุงไทยใจป้ำ
สินเชื่อเงินสด กรุงไทยใจป้ำให้วงเงินสูงสุด 5 เท่าของรายได้ต่อเดือน ไม่เกิน 1 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 20% ต่อปี ผ่อนชำระคืนขั้นต่ำเพียงเดือนละ 300 บาท ให้ระยะเวลาผ่อนชำระนานถึง 5 ปี สามารถสมัครขอสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT และเป๋าตัง โดยไม่ต้องใช้คนค้ำหรือหลักประกัน อนุมัติไวภายใน 1 วัน เหมาะสำหรับบุคคลทั่วไปที่มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน

สำหรับเคล็ดลับเตรียมเอกสารขอ สินเชื่อธนาคาร ให้ผ่านได้ง่าย ๆ โดยมีขั้นตอนดังนี้
เตรียมเอกสารให้พร้อม ได้แก่ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน หนังสือรับรองรายได้/สลิปเงินเดือน รายการเดินบัญชีเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน หนังสือรับรองการหักเงินเดือน และหนังสือยินยอมให้หักเงินเดือน
ติดต่อธนาคารกรุงไทยสาขาใกล้บ้าน เพื่อยื่นเรื่องขอ กู้เงินธนาคาร
หากได้รับการอนุมัติธนาคารจะโอนเงินเข้าบัญชีที่คุณแจ้งไว้

ธนาคารกรุงไทยประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.125 - 0.25% มีผลตั้งแต่ 1 พ.ย. 2567
ข่าวดีเฉพาะลูกค้าสินเชื่อกรุงไทย ธนาคารกรุงไทยปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.125 - 0.25% ต่อปี สำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบางที่มียอดสินเชื่อกับธนาคาร มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เพื่อเป็นการช่วยเหลือกลุ่มลูกค้าสินเชื่อส่วนบุคคลที่อยู่ในมาตรการความช่วยเหลือของธนาคารฯ ให้มีสภาพคล่องทางการเงินเพิ่มขึ้นและปิดจบภาระหนี้ได้เร็วขึ้น โดยมาตรการช่วยเหลือนี้ได้รับอนุมัติขยายระยะเวลาต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2568

การเลือกสินเชื่อเพื่อแก้ปัญหาภาระหนี้สินควรยื่นกู้ในวงเงินที่คุณจ่ายคืนไหวและหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้เพื่อรักษาประวัติการเงินที่ดี สำหรับใครที่สนใจ สินเชื่อส่วนบุคคล โครงการต่าง ๆ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสมัครได้ ที่นี่ และยังสามารถเข้าไปดูผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่น่าสนใจเพิ่มเติมจาก กรุงไทยได้ที่ https://krungthai.com ทุกช่วงเวลาที่คุณสะดวก



8


การท่องเที่ยวฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ แต่หลายคนอาจกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่สูง ในบทความนี้เราจะมาแชร์วิธีการท่องเที่ยวฮอกไกโดด้วยงบประมาณจำกัดอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณสามารถสัมผัสความงดงามของฮอกไกโดได้อย่างคุ้มค่าที่สุด

## 1. วางแผนการเดินทางล่วงหน้า

การวางแผนการเดินทางอย่างรอบคอบจะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากมาย เริ่มต้นด้วยการเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเดินทาง โดยช่วงฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) และฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) มักจะมีราคาตั๋วเครื่องบินและที่พักที่ถูกกว่า

### 1.1 การจองตั๋วเครื่องบิน

ใช้เว็บไซต์เปรียบเทียบราคา เช่น Skyscanner หรือ Google Flights เพื่อหาตั๋วเครื่องบินที่มีราคาถูกที่สุด นอกจากนี้ ควรจองตั๋วล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 เดือนเพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุด

### 1.2 ที่พัก

เลือกที่พักที่เหมาะสมกับงบประมาณ เช่น โฮสเทล หรือเกสต์เฮาส์ ซึ่งมักมีราคาถูกและสะดวกสบาย อีกทั้งยังสามารถพบปะกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ได้

## 2. การเดินทางภายในฮอกไกโด

การเดินทางภายในฮอกไกโดสามารถทำได้หลายวิธี โดยรถไฟและรถบัสเป็นทางเลือกที่ดีและประหยัด

### 2.1 รถไฟ JR

การใช้บัตร JR Hokkaido Pass จะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางโดยรถไฟภายในฮอกไกโด โดยสามารถใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งในระยะเวลาที่กำหนด

### 2.2 รถบัส

นอกจากรถไฟแล้ว รถบัสยังเป็นทางเลือกที่ดี โดยเฉพาะในพื้นที่ที่รถไฟไม่สามารถเข้าถึงได้ การใช้บัตรโดยสารแบบรายวันจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก

## 3. สถานที่ท่องเที่ยวที่ควรไป

ฮอกไกโดมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายที่ไม่ต้องใช้เงินมาก

### 3.1 สวนสาธารณะโอโดริ

สวนสาธารณะโอโดริในซัปโปโรเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเดินเล่นและถ่ายรูป โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่มีดอกไม้บานสะพรั่ง

### 3.2 หมู่บ้านราโยคุ

หมู่บ้านราโยคุเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีบรรยากาศสบายๆ และมีอาหารท้องถิ่นที่อร่อย โดยคุณสามารถเดินชมบรรยากาศได้ฟรี

## 4. การกินอาหารท้องถิ่น

อาหารท้องถิ่นในฮอกไกโดมีชื่อเสียงมาก แต่ไม่จำเป็นต้องทานในร้านหรูเสมอไป คุณสามารถหาของอร่อยในร้านอาหารเล็กๆ หรือที่ตลาดสดได้

### 4.1 ตลาดปลาโอตารุ

ตลาดปลาโอตารุเป็นสถานที่ที่คุณสามารถหาซื้ออาหารทะเลสดๆ ในราคาที่ไม่แพง และยังสามารถนั่งทานในร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในตลาดได้

การท่องเที่ยวฮอกไกโดด้วยงบประมาณจำกัดไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณวางแผนอย่างรอบคอบและเลือกใช้บริการที่มีคุณภาพแต่ราคาไม่สูง คุณจะสามารถสัมผัสประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมในฮอกไกโดได้อย่างคุ้มค่า

หากคุณมีคำถามเพิ่มเติมหรืออยากแชร์ประสบการณ์ที่เที่ยวฮอกไกโด สามารถแสดงความคิดเห็นด้านล่างนี้ได้เลย!

   

9


ในยุคดิจิทัลที่การทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์กลายเป็นเรื่องปกติ การโอนเงินผิดสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายๆ การโอนเงินไปต่างประเทศ เช่น โอนเงินไปเวียดนามและส่งผลกระทบต่อทั้งผู้ส่งและผู้รับ ดังนั้น การใช้เทคโนโลยีเพื่อป้องกันการโอนเงินผิดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรให้ความสนใจ ในบทความนี้ เราจะสำรวจแนวทางและเครื่องมือที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการโอนเงินผิดได้

## ทำความเข้าใจกับสาเหตุของการโอนเงินผิด

การโอนเงินผิดมักเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การพิมพ์หมายเลขบัญชีผิด การเลือกบัญชีผู้รับผิดพลาด หรือแม้กระทั่งการถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพ การเข้าใจสาเหตุเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้

## เทคโนโลยีที่ช่วยป้องกันการโอนเงินผิด

### 1. ระบบตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล

หลายธนาคารและแอปพลิเคชันการเงินในปัจจุบันมีระบบตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลก่อนการทำธุรกรรม ซึ่งจะช่วยลดโอกาสในการโอนเงินผิด โดยระบบจะตรวจสอบหมายเลขบัญชีและชื่อผู้รับเงินให้ตรงกัน หากไม่ตรงกัน ระบบจะส่งสัญญาณเตือนให้ผู้ใช้ตรวจสอบอีกครั้ง

### 2. การใช้รหัส QR

การใช้รหัส QR เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยป้องกันการโอนเงินผิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ใช้สามารถสแกนรหัส QR ของผู้รับเงินแทนการพิมพ์หมายเลขบัญชี ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการพิมพ์ผิดและทำให้การโอนเงินเป็นไปอย่างรวดเร็วและปลอดภัย

### 3. การยืนยันตัวตนแบบหลายชั้น

การใช้การยืนยันตัวตนแบบหลายชั้น (Two-Factor Authentication) เป็นมาตรการที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงิน โดยผู้ใช้จะต้องยืนยันตัวตนผ่านหลายช่องทาง เช่น รหัสผ่านและรหัส OTP ที่ส่งไปยังโทรศัพท์มือถือ ซึ่งช่วยป้องกันการเข้าถึงบัญชีโดยไม่ได้รับอนุญาต

## การให้ความรู้และการฝึกอบรม

การให้ความรู้เกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงินและการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงในการโอนเงินผิด ธนาคารและสถาบันการเงินควรจัดอบรมและให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับวิธีการทำธุรกรรมอย่างปลอดภัย รวมถึงการระวังมิจฉาชีพที่อาจพยายามหลอกลวงผู้ใช้

การใช้เทคโนโลยีเพื่อป้องกันการโอนเงินผิดเป็นสิ่งที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ โดยการนำเสนอระบบตรวจสอบความถูกต้อง การใช้รหัส QR และการยืนยันตัวตนแบบหลายชั้น จะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงินของคุณ

หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงินอย่างปลอดภัย อย่าลืมติดตามข่าวสารและข้อมูลที่มีประโยชน์จากธนาคารและสถาบันการเงินของคุณ เพื่อให้คุณสามารถทำธุรกรรมได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยในทุกครั้ง




10

การรักษาสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรให้ความสนใจ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีระบบการรักษาพยาบาลที่หลากหลาย การเช็กสิทธิการรักษาเป็นขั้นตอนที่สำคัญเพื่อให้คุณได้รับการดูแลที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงขั้นตอนการเช็กสิทธิการรักษาสำหรับคนไทยอย่างละเอียด

## 1. ทำความเข้าใจกับสิทธิการรักษา

ก่อนที่คุณจะเริ่มเช็กสิทธิการรักษา คุณควรทำความเข้าใจกับประเภทของสิทธิการรักษาที่มีอยู่ในประเทศไทย เช่น

- **สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า**: สำหรับประชาชนทุกคนที่มีบัตรประชาชน
- **สิทธิประกันสังคม**: สำหรับผู้ที่ทำงานในระบบประกันสังคม
- **สิทธิประกันสุขภาพของข้าราชการ**: สำหรับข้าราชการและครอบครัว

การรู้จักสิทธิของคุณจะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงการรักษาที่เหมาะสมได้ง่ายขึ้น

## 2. ขั้นตอนการเช็กสิทธิการรักษา

### 2.1 ตรวจสอบสิทธิผ่านเว็บไซต์

คุณสามารถเช็กสิทธิการรักษาได้ง่ายๆ ผ่านเว็บไซต์ของสำนักงานประกันสังคม หรือเว็บไซต์ของกระทรวงสาธารณสุข โดยทำตามขั้นตอนดังนี้:

1. เข้าไปที่เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง
2. ค้นหาหมวดหมู่ “ตรวจสอบสิทธิ”
3. กรอกข้อมูลที่จำเป็น เช่น หมายเลขบัตรประชาชน
4. กดค้นหาและรอผลการตรวจสอบ

### 2.2 ติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

หากคุณไม่สะดวกในการเช็กสิทธิผ่านเว็บไซต์ คุณสามารถติดต่อหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง เช่น สำนักงานประกันสังคม หรือโรงพยาบาลที่คุณต้องการเข้ารับการรักษา โดยสามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิการรักษาได้

### 2.3 ใช้แอปพลิเคชันมือถือ

ในยุคดิจิทัลนี้ หลายหน่วยงานได้พัฒนาแอปพลิเคชันมือถือที่ช่วยให้คุณสามารถเช็กสิทธิการรักษาได้อย่างสะดวกสบาย คุณสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องและทำการเช็กสิทธิได้ตลอดเวลา

## 3. สิ่งที่ควรเตรียมก่อนเข้ารับการรักษา

เมื่อคุณได้ตรวจสอบสิทธิรักษาพยาบาลแล้ว ควรเตรียมเอกสารที่จำเป็น เช่น บัตรประชาชน ใบรับรองแพทย์ และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การเข้ารับการรักษาเป็นไปอย่างราบรื่น

การเช็กสิทธิการรักษาเป็นขั้นตอนที่สำคัญสำหรับคนไทยทุกคน เพื่อให้คุณสามารถเข้าถึงการรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ การรู้จักสิทธิของตนเองจะช่วยให้คุณสามารถดูแลสุขภาพได้ดียิ่งขึ้น

หากคุณมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิทธิการรักษา อย่าลังเลที่จะติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือสอบถามผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเชื่อถือได้

เพื่อให้คุณไม่พลาดข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสิทธิการรักษาและการดูแลสุขภาพ สามารถติดตามข่าวสารและข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้ที่เว็บไซต์ของกระทรวงสาธารณสุข หรือช่องทางโซเชียลมีเดียที่เชื่อถือได้

**เช็กสิทธิการรักษาของคุณวันนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีกว่าในวันพรุ่งนี้!**


11

            DR คือ Depositary Receipt  ตราสารทางการเงินที่ออกโดยบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ในประเทhttps://www.thai-access.com/Themes/Softer/images/bbc/sub.gifศ หรือ ก.ล.ต. เพื่อให้นักลงทุนสามารถซื้อและขายหุ้นต่างประเทศด้วยสกุลเงินบาท ที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า ดอกเบี้ยฝากประจำ ได้ โดยบริษัทที่ออก DR จะทำหน้าที่ในการถือหุ้นต่างประเทศแทน เพราะโดยปกติการที่นักลงทุนจะซื้อ-ขายหุ้นต่างประเทศค่อนข้างทำได้ยาก เพราะจะต้อง เปิดบัญชีออนไลน์ offshore account พร้อมกับมีจำนวนขั้นต่ำในการซื้อขาย ซึ่งใช้เงินจำนวนมาก เช่น หากคุณต้องการซื้อหุ้นบริษัท Apple จำนวน 10 หุ้น จะต้องใช้เงินทั้งหมด 63,788 บาท (ราคาหุ้น Apple ณ วันที่ 4/10/2023 1 หุ้นมีมูลค่าอยู่ที่ $172.40 USD และอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทไทย : ดอลลาร์สหรัฐ อยู่ที่ 37.00 บาท) ซึ่งยังไม่นับรวมในส่วนของค่าธรรมเนียม, ภาษีและความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจจะไม่คุ้มค่าต่อการลงทุนในปริมาณน้อย ๆ สักเท่าไรนักเมื่อเทียบกับ ดอกเบี้ยฝากประจำ แต่ถ้ามี DR นักลงทุนสามารถซื้อและขายหุ้นดังกล่าวด้วยสกุลเงินบาทไทยและใช้จำนวนเงินที่ลงทุนน้อยกว่ามาก

แนะนำ หุ้น DR น้องใหม่ สำหรับนักลงทุนที่สนใจหุ้นประเทศจีน

         ต้องบอกว่าภายหลังจากวิกฤตโควิดที่ผ่านมาหุ้นเทคโนโลยีและหุ้นประกันของจีนได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากที่สุด โดยเฉพาะหุ้นจากบริษัทเน็ตอีส (NetEase) หรือ NETEASE80  ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเกมออนไลน์และหุ้นบริษัทผิงอัน (Ping An) หรือ PINGAN80 บริษัทประกันภัยยักษ์ใหญ่ของประเทศจีน ที่ล่าสุดแม้ว่าตลาดหุ้นของจีนจะปรับตัวลดต่ำลง แต่ผลประกอบการกับแข็งแกร่งส่งผลให้ราคาหุ้นวิ่งส่วนดัชนีขึ้นไป โดยบริษัทผิงอันที่เป็นบริษัทประกันภัยมีลูกค้าเติบโตมากถึง 3 เท่า ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน  จากข้อมูลล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2023 ทางบริษัทมีลูกค้าจำนวนทั้งสิ้น 225 ล้านราย ในขณะที่เดือนมิถุนายน ในปีเดียวกันนี้ทางบริษัทผิงอันมีลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 668 ล้านราย ถือเป็นสถิติการเติบโตที่เหนือการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์มาก

        ในขณะที่หุ้นบริษัทเกมชั้นนำอย่างเน็ตอีสก็มีการเติบโตที่ไม่น้อยหน้า โดยข้อมูลในไตรมาส 3 ของปี 2022 ทางบริษัทมีรายได้เข้ามาถึง 3.5 แสนล้านบาท พร้อมกับการขยายธุรกิจทั้งในเรื่องของการขายลิขสิทธิ์เกม, ไลน์เซนคอมพิวเตอร์และมือถือตลอดจนสื่อบันเทิงออนไลน์ ไปยังประเทศญี่ปุ่น ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ถือเป็น 2 บริษัทยักษ์ใหญ่จากประเทศจีนที่น่าลงทุนในเวลานี้

ข้อควรรู้ก่อนลงทุนกับหุ้น DR ทั้ง 2 ตัว

         แม้ว่าหุ้นทั้ง 2 ตัวจะเป็นหุ้นที่สร้างความร้อนแรงในช่วงที่ผ่านมา แต่นักลงทุนก็ควรรู้ถึงปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น, รายได้ของบริษัทและอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะได้หาจังหวะซื้อและขายได้โดยไม่ต้องทนติดดอย ซึ่งอาจให้ผลตอบแทนดีกว่า บัญชีฝากประจำ โดยบริษัทผิงอันหรือ PINGAN80 มีปัจจัยที่นักลงทุนต้องศึกษาได้แก่ ราคาที่นำมาอ้างอิงคือราคาหุ้นของบริษัท ผิง อัน อินชัวรันซ์(กรุ๊ป) ออฟไชน่า จำกัด ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง  ดังนั้นอัตราแลกเปลี่ยนจึงเป็นสกุลเงินบาท กับดอลลาร์ฮ่องกง โดยหากมีเปลี่ยนแปลงของราคาจะมีในส่วนของอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยหุ้น PINGAN 1 หุ้น : 100 DR

       ในขณะที่หุ้นบริษัทเน็ตอีส หรือ NETEASE80 เองก็เช่นกัน มีชื่อว่า บริษัทเน็ตอีส อิงค์ (NetEase, Inc.) ได้รับการจดทะเบียนที่ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ราคาของหุ้นและอัตราแลกเปลี่ยนจึงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการขึ้นลงของราคาหุ้น โดยหุ้น NETEASE 1 หุ้น : 100 DR เช่นกัน

       ดังนั้น DR ของหุ้นทั้ง 2 ตัวนี้ จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ลงทุนที่สนใจ เปิดบัญชีออนไลน์ และต้องการจะลงทุนในหุ้นจีน โดยสามารถทำรายการซื้อขายผ่านแอปพลิเคชัน Streaming by Settrade หรือ บัญชีฝากประจำ กับ Krungthai NEXT ก็ได้ หากต้องการข้อมูลเกี่ยวกับหุ้น DR ทั้ง 2 ตัวนี้ สามารถติดต่อธนาคารกรุงไทยทุกสาขาหรือ Krungthai Contact Center ที่เบอร์โทร 0-2111-1111 หรือที่เว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ

         DR ช่วยให้นักลงทุนในประเทศหนึ่ง มีโอกาสลงทุนในบริษัทอีกประเทศหนึ่งได้ โดยที่ไม่ต้องไป เปิดบัญชีออนไลน์ การลงทุนในตลาดต่างประเทศโดยตรง นอกจากนี้ยังช่วยให้บริษัทต่างประเทศมีโอกาสรวมทุนจากตลาดที่หลากหลายและเพิ่มความน่าสนใจในการลงทุนของนักลงทุนจากทั่วโลก การลงทุนใน DR อาจมีความเสี่ยงตามความเปลี่ยนแปลงในราคาหุ้นของบริษัทต่างประเทศและอัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้นควรศึกษา ดอกเบี้ยฝากประจำ และประเมินความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง หรือหากอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Krungthai NEXT รวมถึงการลงทุนหุ้น DR  เข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ Krungthai.com



12
การลงทุนในกองทุน RMF (Retirement Mutual Fund) และ SSF (Super Savings Fund) เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษีและสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคต นอกจากนี้ การลงทุนในโครงการ Thai ESG (Environmental, Social, and Governance) ยังเป็นแนวทางที่ช่วยสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปเรียนรู้วิธีคำนวณการลดหย่อนภาษีจากการลงทุนใน RMF/SSF และ Thai ESG อย่างละเอียด

1. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ RMF และ SSF

RMF คืออะไร?
RMF เป็นกองทุนรวมที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการออมเพื่อการเกษียณอายุ โดยผู้ลงทุนสามารถลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนเงินที่ลงทุนใน RMF ในแต่ละปี

SSF คืออะไร?
SSF เป็นกองทุนรวมที่มุ่งเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำและมีผลตอบแทนที่คาดการณ์ได้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการออมในระยะยาวและลดหย่อนภาษีเช่นเดียวกับ RMF

2. วิธีคำนวนภาษี การลดหย่อนภาษีจาก RMF
การลงทุนใน RMF สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ลงทุนต้องถือหน่วยลงทุนอย่างน้อย 5 ปี

**ตัวอย่างการคำนวณ**:
- หากคุณมีรายได้ที่ต้องเสียภาษี 1,000,000 บาท และลงทุนใน RMF 200,000 บาท คุณสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท (30% ของ 1,000,000 บาท) แต่จะลดหย่อนได้เพียง 200,000 บาทเท่านั้น

การลดหย่อนภาษีจาก SSF
สำหรับ SSF ผู้ลงทุนสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ลงทุนต้องถือหน่วยลงทุนอย่างน้อย 10 ปี

**ตัวอย่างการคำนวณ**:
- หากคุณมีรายได้ที่ต้องเสียภาษี 800,000 บาท และลงทุนใน SSF 150,000 บาท คุณสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 240,000 บาท (30% ของ 800,000 บาท) แต่จะลดหย่อนได้เพียง 150,000 บาทเท่านั้น

3. การลงทุนใน Thai ESG

การลงทุนใน Thai ESG เป็นการลงทุนที่ไม่เพียงแต่พิจารณาผลตอบแทนทางการเงิน แต่ยังคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการบริหารจัดการที่ดี ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ลงทุนมีส่วนร่วมในการพัฒนาที่ยั่งยืน

วิธีการลงทุนใน Thai ESG
- **เลือกกองทุนที่มีการลงทุนใน ESG**: ควรเลือกกองทุนที่มีการประเมินและจัดอันดับตามมาตรฐาน ESG
- **ศึกษาข้อมูล**: ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทและโครงการที่ลงทุน เพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนของคุณมีความรับผิดชอบต่อสังคม


การลงทุนใน RMF, SSF และ Thai ESG เป็นวิธีที่ดีในการลดหย่อนภาษีและสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคต ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับการคำนวณการลดหย่อนภาษีและเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากการลงทุนได้อย่างเต็มที่

หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนใน RMF/SSF หรือ Thai ESG หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษี สามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนเพื่อจัดพอร์ตการลงทุน ขอคำแนะนำที่เหมาะสมกับคุณได้เลย!




13
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่าอีกหนึ่งข้อดีของการทำประกันชีวิตคือ สิทธิการลดหย่อนภาษีประจำปี แต่หากถามว่า ประกันชีวิตลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่ บอกเลยว่าคำตอบนี้ขึ้นอยู่กับว่าตัดสินใจเลือกซื้อประกันชีวิตประเภทใด เพราะประกันชีวิตแต่ละประเภทจะมาพร้อมเงื่อนไขและเพดานสูงสุดในการลดหย่อนภาษีแตกต่างกัน ดังนั้นเพื่อช่วยให้คนอยากลดหย่อนภาษีตัดสินใจเลือกทำประกันอย่างถูกต้องและได้รับผลประโยชน์สูงสุด วันนี้เรามี ประกันลดหย่อนภาษี และวงเงินสูงสุดในการลดหย่อนมาฝาก

ประกันชีวิตแบบไหนดี

ประกันชีวิตทั่วไป
ประกันชีวิตแบบทั่วไป ได้แก่ ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา และประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท รวมทุกกรมธรรม์ประกันชีวิตทั่วไปแล้วไม่เกิน 200,000 บาท แต่มีเงื่อนไขว่าประกันชีวิตต้องมีระยะสัญญามากกว่า 10 ปีขึ้นไป เป็นกรมธรรม์จากบริษัทประกันในประเทศไทยเท่านั้น หากเป็นประกันชีวิตที่มีการจ่ายผลตอบแทนจะได้สิทธิลดหย่อนไม่เกิน 20% ของเบี้ยรายปีหรือเบี้ยสะสมในช่วงเวลา สามารถนำประกันชีวิตของคู่สมรสที่แต่งงานกันมาอย่างน้อย 1 ปี มาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 10,000 บาท กรณีขอเวนคืนกรมธรรม์ประกันชีวิตก่อนถือครบ 10 ปี ต้องจ่ายภาษีย้อนหลังคืนตามจำนวนที่ได้ลดหย่อนพร้อมดอกเบี้ย 1.5% ของจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระคืน

ประกันชีวิตควบการลงทุน
สำหรับประกันชีวิตควบการลงทุนถูกจัดอยู่ในกลุ่มประกันชีวิตทั่วไป ดังนั้นเงื่อนไข ลดหย่อนภาษีประกันชีวิต จึงใช้ข้อกำหนดเช่นเดียวกับประกันชีวิตทั่วไป แต่ประกันประเภทนี้จะแบ่งเบี้ยประกันเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ค่าประกันในส่วนความคุ้มครอง ค่าดำเนินการของบริษัทประกันภัย และเงินลงทุน ซึ่งส่วนที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีคือเบี้ยประกันในส่วนที่ 1 และ 2 เท่านั้น ขณะที่ส่วนนำไปลงทุนไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้

ประกันชีวิตแบบบำนาญ
ประกันชีวิตแบบบำนาญเป็นประกันชีวิตที่เก็บเบี้ยประกันในระยะเวลาสั้น แต่ให้ความคุ้มครองไปจนครบสัญญาและเงินรายเดือนหรือรายปีหลังเกษียณอายุการทำงาน สำหรับสิทธิพิเศษด้านภาษีผู้ที่ทำประกันประเภทนี้จะได้รับการลดหย่อนสูงสุด 15% ของรายได้ ไม่เกิน 200,000 บาท เมื่อรวมกับสิทธิลดหย่อนภาษีจากประกันชีวิตทั่วไป แต่ถ้าไม่รวมกับประกันชีวิตทั่วไปจะได้รับการลดหย่อนสูงสุด 300,000 บาท ส่วนการใช้สิทธิร่วมกับการลงทุนประเภทอื่น อย่างกองทุน RMF กองทุน SSF กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญ หรือกองทุนการออมแห่งชาติสามารถลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 500,000 บาท
   
เป็นอย่างไรบ้างสำหรับข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับประกันชีวิตลดหย่อนภาษีที่เรานำมาฝากในวันนี้ ซึ่งจะเห็นได้ว่านอกจาก ประกันลดหย่อนภาษี ได้ไม่เท่ากันแล้ว แต่ละประเภทยังมีเงื่อนไขในการลดหย่อนแตกต่างกันด้วย เพราะฉะนั้นก่อนตัดสินใจซื้อประกันชีวิตควรคำนวณยอดภาษีและตรวจสอบสิทธิการลดหย่อนภาษีทั้งหมดของตัวเอง จากนั้นจึงค่อยตัดสินใจซื้อประกันชีวิต สำหรับใครที่กำลังวางแผนซื้อประกันชีวิตลดหย่อนภาษีแนะนำประกันชีวิตของธนาคารกรุงไทย เนื่องจากมีทั้งประกันชีวิตทั่วไปและประกันชีวิตบำนาญหลากหลายแบบ รับประกันเลยว่าได้ประกันชีวิตถูกใจและตอบโจทย์ด้านภาษีได้อย่างไม่จำกัดแน่นอน



14
        ทุกการขับขี่บนท้องถนน ต้องมีสติอย่างมากเพราะหากพลาดแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียวอาจเปลี่ยนชีวิตของคุณได้ และไม่เพียงแต่สติเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นการศึกษา​ กฎหมายจราจรใหม่ การตรวจเช็กสภาพรถ​และอีกหลายอย่างประกอบร่วมกัน วันนี้จึงมีเคล็ดลับการขับรถอย่างปลอดภัยมาแนะนำนักขับทุกท่าน

1. สภาพร่างกายของผู้ขับขี่ต้องพร้อมในทุกด้าน เพราะฉะนั้นก่อนขับรถทุกครั้งจึงต้องมีความพร้อม​ โดย​เฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางไกลต้องพักผ่อนอย่างเพียงพอไม่เหนื่อยล้าอ่อนเพลีย หากไม่สบายหรือง่วงต้องจอดพักและที่สำคัญเมาไม่ขับโดยเด็ดขาด
2. มีสติคิดวิเคราะห์ประเมินเหตุการณ์ล่วงหน้า การขับขี่รถต้องใช้สติอย่างมากคิดวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ล่วงหน้า​ ทั้งรถคันข้างหน้ารถคันข้างหลัง เพื่อให้เราเดาสถานการณ์ต่าง ๆ ​ ได้ และสามารถแก้ปัญหาได้อย่างฉับไว
3. รักษาวินัยจราจรอย่างเคร่งครัด​ เช่น ปฏิบัติตามสัญญาณไฟจราจร​ ไม่แซงซ้ายหรือแซงในเขตห้ามแซง หรือขับความเร็วเกินกว่าที่กำหนดในบางเส้นทาง​ เพราะนอกจากจะต้องเสีย​ ค่าปรับจราจรใหม่​ แล้วยัง เป็นอีกหนึ่งต้นตอให้เกิดอุบัติเหตุได้โดยง่ายหากฝ่าฝืนกฎจราจร
4. กระจกรถยนต์ด้านข้าง-กระจกมองหลัง ต้องหมั่นดูให้เป็นนิสัย​ เพราะการขับรถไม่ใช่แค่ต้องมองหน้าตรงไปยังเส้นทางข้างหน้าเท่านั้น​ กระจกมองหลังกระจกข้างทั้งซ้ายและขวาก็ต้องเช็กทุก ๆ ​ ครั้ง​ ก่อนที่จะเปลี่ยนเลนหรือก่อนการแซงว่าปลอดภัยแน่นอนแล้ว เพื่อเลี่ยงอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากรถคันอื่น ๆ ​ ที่เรามองไม่เห็น​ การมองทั้ง 3 มุมให้แน่ชัดเป็นระยะ ๆ ตลอดเส้นทาง จึงเป็นหลักสำคัญที่ไม่ควรละเลย
5. หลีกเลี่ยงการเบรกกระทันหัน การเบรกกระทันหันบางครั้งก็เกิดความผิดพลาดได้ หากเบรกไม่ทันก็จะชนคันข้างหน้า หรือเบรกทันแล้วก็อาจจะเสี่ยงที่จะโดนคันข้างหลังชนท้ายรถของเราได้ เพราะฉะนั้นพยายามหลีกเลี่ยงด้วยการรักษาระยะห่างที่เพียงพอตามที่ กฎหมายจราจรใหม่ แนะนำ เพื่อให้มีระยะในการเบรกที่ปลอดภัยนั่นเอง

          ทุกครั้งที่ใช้รถใช้ถนนให้คิดอยู่เสมอว่าคุณกำลังอยู่บนเส้นทางแห่งความเสี่ยง เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะเป็นเกราะป้องกันชั้นแรกคือตัวของผู้ขับขี่เอง ที่จะต้องขับขี่อย่างมีสติ​ รักษาวินัยจราจร ไม่ทำผิดกฎหมายให้ต้องจ่ายค่าปรับจราจร ใหม่ และสำหรับใครที่ขับขี่อย่างเป็นผู้ชำนาญการแล้ว และอยากจะทำอาชีพเสริม นำรถมาหารายได้เพิ่มจากงานประจำ​ ขอแนะนำให้ทำอาชีพยอดฮิตกับการเป็นไรเดอร์กับ Grab ที่สามารถเลือกได้ทั้ง​ Grab​Food และ GrabDriver เพียงแค่มีรถยนต์​ รถมอเตอร์ไซค์​ แท็กซี่​ หรือบางคนสงสัยว่า รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าดีไหม ก็ไม่มีปัญหา​ สามารถนำมาขับขี่เป็นไรเดอร์​ได้เช่นเดียวกัน​ เพราะขั้นตอนการสมัครไม่ยุ่งยากและเปิดโอกาสให้กับทุก ๆ ​ คน เพื่อให้มีรายได้เสริมนำไปใช้จ่ายในครอบครัวได้อีกทางหนึ่ง



15

การจัดการเงินเป็นทักษะที่สำคัญสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา พนักงานประจำ หรือเจ้าของธุรกิจ การเรียนรู้วิธีจัดการเงินอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณสามารถสร้างความมั่งคั่งได้ในระยะยาว ในบทความนี้ เราจะพูดถึง 7 วิธีบริหารเงินให้เติบโต ที่จะช่วยให้คุณมีฐานะการเงินที่มั่นคงและยั่งยืน

1. ตั้งเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน

การตั้งเป้าหมายทางการเงินเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการจัดการเงินให้เติบโต ควรกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและสามารถวัดผลได้ เช่น การออมเงินเพื่อซื้อบ้าน การลงทุนเพื่อการเกษียณ หรือการสร้างกองทุนฉุกเฉิน เป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณมีแรงจูงใจในการจัดการเงินอย่างมีระเบียบ

2. สร้างงบประมาณการใช้จ่าย

การสร้างงบประมาณการใช้จ่ายจะช่วยให้คุณสามารถควบคุมการใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรแบ่งรายได้ออกเป็นหมวดหมู่ เช่น ค่าใช้จ่ายประจำเดือน ค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และการออมเงิน การติดตามการใช้จ่ายจะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของการเงินและปรับปรุงพฤติกรรมการใช้จ่ายได้

3. ออมเงินอย่างสม่ำเสมอ

การออมเงินเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างความมั่งคั่ง ควรตั้งเป้าหมายในการออมเงินอย่างน้อย 20% ของรายได้ทุกเดือน การออมอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณมีเงินสำรองในกรณีฉุกเฉินและสร้างกองทุนสำหรับการลงทุนในอนาคต

4. ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีศักยภาพ

การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีศักยภาพ เช่น หุ้น อสังหาริมทรัพย์ หรือกองทุนรวม เป็นวิธีที่ช่วยให้เงินของคุณเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ควรศึกษาข้อมูลและวิเคราะห์ความเสี่ยงก่อนการลงทุน เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. หาความรู้เกี่ยวกับการเงิน

การเรียนรู้เกี่ยวกับการเงินเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณมีความรู้และทักษะในการจัดการเงิน ควรอ่านหนังสือ ฟังพอดแคสต์ หรือเข้าร่วมสัมมนาเกี่ยวกับการเงิน การมีความรู้จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจทางการเงินได้ดีขึ้น

6. ลดหนี้สิน

การลดหนี้สินเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการจัดการเงินให้เติบโต ควรจัดลำดับความสำคัญในการชำระหนี้ โดยเริ่มจากหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงที่สุด การลดหนี้สินจะช่วยให้คุณมีเงินเหลือสำหรับการออมและการลงทุนมากขึ้น

7. ตรวจสอบและปรับปรุงแผนการเงิน

การตรวจสอบและปรับปรุงแผนการเงินเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย ควรตรวจสอบสถานะการเงินของคุณเป็นระยะๆ และปรับปรุงแผนการเงินให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน การมีแผนการเงินที่ยืดหยุ่นจะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในชีวิตได้ดียิ่งขึ้น


การจัดการเงินให้เติบโตไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณสามารถปฏิบัติตามวิธีที่แนะนำในบทความนี้ได้อย่างสม่ำเสมอ การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน การสร้างงบประมาณ การออมเงิน การลงทุน การหาความรู้ การลดหนี้สิน และการตรวจสอบแผนการเงิน จะช่วยให้คุณมีฐานะการเงินที่มั่นคงและยั่งยืนในอนาคต


   

หน้า: [1]