=F(PID, Visit_No, Visit_Date)

1. ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ Doxorubicin2 จะถูกเขียนทับเป็น 62.4 โดยยังไม่คลิกปุ่ม Save  ดังนั้นถ้าเกิด Doxorubicin2 กลายเป็นค่า 62.4 ก็น่าจะแปลได้ว่าเรคอร์ดถูก Save ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งไปแล้ว ให้ลองทดสอบดูครับ เมื่อเป็น 62.4 ในรอบแรกแล้ว และก่อนที่จะแก้ Doseadjust = 90  ก็เปิดดูจากเทเบิลโดยตรงไปเลยว่าตอนนี้ Doxorubicin2 เป็น 62.4 หรือไม่

2. สงสัยว่า AC-regimen มีแค่เรคอร์ดเดียวหรือยังไง ทำไมเวลาสั่ง DLookup(Doxorubicin2, "AC_regimen") จึงไม่มีพารามิเตอร์ตัวที่ 3 ใน DLookup เพื่อกำหนดว่าจะเลือกจากเรคอร์ดไหน

ให้แก้เป็น

On Error Resume Next
DoCmd.RunCommand acCmdRecordsGoToNext
If Me.NewRecord Or Err.Number <> 0 Then Me.Requery

Between IIf(Day(Date())>=3,DateSerial(Year(Date()),Month(Date()),2),DateSerial(Year(Date()),Month(Date())-1,2)) And IIf(Day(Date())>=3,DateSerial(Year(Date()),Month(Date())+1,2),DateSerial(Year(Date()),Month(Date()),2))

ความหมายก็คือ
หาข้อมูลระหว่างวันที่ (ถ้าวันที่ >= 3, ให้เป็นวันที่ 2 ของเดือนนี้, ถ้าไม่ใช่ก็เป็นวันที่ 2 ของเดือนที่แล้ว) และวันที่ (ถ้าวันที่ >= 3, ให้เป็นวันที่ 2 ของเดือนหน้า, ถ้าไม่ใช่ก็เป็นวันที่ 2 ของเดือนนี้)

ยังไงก็ตาม ถ้าดูตามเงื่อนไขที่คุณบอกมา จะพบว่าข้อมูลของวันที่ 2 จะนำมาหาผลลัพธ์ถ้าวันนี้เป็นวันที่ 2 เอง และแม้วันนี้จะเป็นวันที่ 3 ซึ่งเป็นวันที่เปลี่ยนเงื่อนไข แต่ข้อมูลของวันที่ 2 (เมื่อววาน) ก็ยังถูกนำมาหาผลลัพธ์อยู่ดี ลองพิจารณาดีๆว่าถูกต้องหรือไม่นะครับ

ดีที่สุดคือ เพิ่มฟิลด์ที่เก็บวันเวลาที่บันทึก และถ้าต้องการเรียงลำดับตามเวลาที่อัพเดทด้วย ก็ต้องมีฟิลด์ที่เก็บวันเวลาเมื่ออัพเดตอีกฟิลด์ครับ

ผมมีโค้ดตัวนึง ลองเอาโค้ดนี้ไปใช้ดู แต่ไม่ยืนยันนะครับว่าจะถูกต้อง 100% หรือไม่
Public Sub CutLastCRLF(aFullFileNM As String)
    Dim B As String * 1
    Dim S As String
    Dim L As Long

    Open aFullFileNM For Binary Access Read As #1
    Do Until EOF(1)
        Get #1, , B
        S = S & B
    Loop
    Close #1

    If Right(S, 3) <> vbCr & vbLf & vbNullChar Then
        Exit Sub
    End If

    S = Left(S, Len(S) - 3)

    On Error Resume Next
    Kill aFullFileNM

    On Error GoTo 0
    Open aFullFileNM For Binary Access Write As #1
    Put #1, , S
    Close #1
End Sub
จะเรียกใช้ก็สั่ง Call CutLastCRLF("Drive:\Path\File.txt") มันจะเขียนทับไฟล์เดิมครับ

ถ้ายืนพื้นตามที่คุณได้ออกแบบไว้ ผมสมมุติให้ระบบเราเป็นตามนี้แล้วกันนะครับ (เทเบิลจริงของคุณอาจมีฟิลด์มากกว่านี้ แต่ผมเอาเฉพาะฟิลด์ที่เราสนใจในเรื่องนี้แล้วกัน)

- เทเบิลส่วนลด Disc มีฟิลด์ Member Grade, Catagory Name, Discount
- เทเบิลลูกค้า Cust มีฟิลด์ Customer Code, Member Grade
- เทเบิลสินค้า Prod มีฟิลด์ Product Code, Catagory Name
- [cb Customer Code] เป็นชื่อคอมโบบ็อกซ์เพื่อเลือกลูกค้าที่อยู่บนเมนฟอร์ม เมื่อเลือก จะแสดงชื่อลูกค้าในคอมโบบ็อกซ์ แต่เมื่ออ้างคอมโบบ็อกซ์ก็จะได้รหัสลูกค้าแทน
- [cb Product Code] เป็นชื่อคอมโบบ็อกซ์เพื่อเลือกสินค้าที่อยู่ในซับฟอร์ม เมื่อเลือก จะแสดงชื่อสินค้าในคอมโบบ็อกซ์ แต่เมื่ออ้างคอมโบบ็อกซ์ก็จะได้รหัสสินค้าแทน

ให้ใส่ฟังก์ชั่นชื่อว่า fnGetDiscount( ) ไว้ในส่วนของ Module โดยจะรับค่าของรหัสลูกค้าและรหัสสินค้าเข้าไป และคืนค่าส่วนลดออกมาให้ กรณีที่รหัสลูกค้าหรือรหัสสินค้าไม่มีค่า (เป็น NULL) หรือไม่มีกำหนดส่วนลดไว้ ค่าที่คืนก็จะเป็น NULL ด้วย
Public Function fnGetDiscount(aCusCD As Variant, aProdCD As Variant) As Variant
    Dim DB  As DAO.Database
    Dim RS  As DAO.Recordset
    Dim SQL As String
   
    If IsNull(aCusCD) or IsNull(aProdCD) Then Exit Sub

    SQL = "SELECT D.Discount  FROM [Prod] AS P " _
        & "                  INNER JOIN ([Cust] AS C INNER JOIN [Disc] AS D ON C.[Menber Grade] = D.[Menber Grade])" _
        & "                     ON P.[Catagory Name] = D.[Catagory Name] " _
        & " WHERE C.[Customer Code] = '" & cStr(aCusCD) & "' AND P.[Product Code] = '" & cStr(aProdCD) & "' "
    Set DB = CurrentDb
    Set RS = DB.OpenRecordset(SQL)
    If Not RS.EOF Then
        fnGetDiscount = RS![Discount]
    End If
    RS.Close: Set RS = Nothing
End Sub
ปัญหาคือ ผมไม่รู้ว่าคุณจะเอาส่วนลดไปเก็บไว้ที่ไหน เพราะในเทเบิล Order Details ก็ไม่มีฟิลด์ที่เก็บไว้ 
- แต่ถ้าสมมุติว่ามี และเท็กซ์บ็อกซ์บนฟอร์มที่ไว้รับ/แสดงส่วนลดชื่อว่า [tx Discount] ดังนั้นเมื่อผู้ใช้เลือกสินค้า เราก็ใส่โค้ดนี้ไว้ใน AfterUpdate event procedure ของ [cb Product Code] เพื่อดึงเอาส่วนลดออกมาแปะในเท็กซ์บ็อกซ์นี้ได้ครับ
Private Sub  cb_Product_Code_AfterUpdate()
Me.[tx Discount] = fnGetDiscount(Parent.[cb Customer Code], Me.[cb Product Code])
End Sub
- แต่ในกรณีที่***ไม่มี***ที่เก็บ แต่อยากแสดงบนฟอร์มเฉยๆ ก็ให้ใส่ =fnGetDiscount(Parent.[cb Customer Code], Me.[cb Product Code]) เอาไว้ใน Control Source property ของ [tx Discount] ครับ (ต้องมีเครื่องหมาย = ด้วย)

หมายเหตุ : โค้ดนี้ไม่ได้ทดสอบใดๆทั้งสิ้น ถ้ามี Error ก็เอารหัสและข้อความของ Error มาแสดงให้ดูด้วยครับ

ไม่รู้ว่าคำถามคืออะไรนะครับ   ถ้าเกรดลูกค้าและประเภทสินค้ามีผลต่อส่วนลด ในเทเบิลส่วนลดก็ต้องกำหนดทั้งเกรดและประเภทสินค้าเป็นส่วนหนึงของ Primary Key  อาจมีกำหนดวันที่เริ่มมีผลบังคับใช้เป็นส่วนหนึ่งของ Primary Key เพิ่มเติมด้วยก็ได้ เพราะในทางปฏิบัติแล้ว ถ้าไม่กำหนดวันที่เริ่มมีผลบังคับ เราจะต้องมานั่งป้อนทุกส่วนลดที่เปลี่ยนแปลงในคืนก่อนวันเปลี่ยนแปลงส่วนลด ซึ่งไม่สะดวกเลย

เวลาพูดว่าทับซ้อน ฟังดูเหมือนค่าเป็นช่วงระหว่างวันที่อะไรกับอะไร แล้วไปตรวจว่าทับซ้อนกับค่าอ้างอิงอะไร ค่าอ้างอิงเอามาจากไหน อธิบายรายละเอียดด้วย